ประเพณีและวันสำคัญ
ประเพณีการแห่ผ้าห่มขึ้นพระธาตุจอมคีรีและการสงน้ำพระธาตุจอมคีรี
(ทอผ้าขึ้นธาตุ ตักบาตรพระอุปครุฑ บูชาพระพุทธบรสวรรค์)
ประเพณีผ้าขึ้นธาตุ หมายถึง
การนำผ้าผืนยาวขึ้นไปห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ในวันสำคัญทางศาสนา ชาวนครได้ร่วมมือร่วมใจกันบริจาคเงินตามกำลังศรัทธานำเงินที่ได้ไปซื้อผ้ามาเย็บต่อกันเป็นแถวยาวนับพันหลา
แล้วจัดเป็นขบวนแห่ผ้าขึ้นห่มพระบรมธาตุเจดีย์
ผ้าที่ขึ้นไปห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์เรียกว่า “ผ้าพระบฎ” (หรือ พระบต)
นิยมใช้สีขาว สีเหลือง สีแดง สำหรับผ้าสีขาวนิยมเขียนภาพเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ
เสด็จออกบรรพชา ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน
ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุเป็นเอกลักษณ์ประจำเมืองนครศรีธรรมราช
แก่นแท้อยู่ที่การบูชาพระพุทธเจ้าอย่างใกล้ชิด
โดยใช้องค์พระบรมธาตุเจดีย์เป็นตัวแทน
ประเพณีตานก๋วยสลากภัตของหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ
(ตานก๋วยสลาก,ตานสลาก,กิ๋นข้าวสลาก,กิ๋นก๋วยสลากหรือกิ๋นสลาก)
ล้วนแล้วแต่เป็นภาษาของชาวถิ่นล้านนา ที่มักมีการเรียกขานแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น
แต่ความหมายนั้นเหมือนกันโดยหลักการอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง
ในเรื่องของรายละเอียดถ้าเป็นภาษาไทยกลางเรียกว่า "สลากภัต"
ประเพณี "ตานก๋วยสลาก" หรือ "สลากภัต" ของชาวล้านนานิยมปฏิบัติกันตั้งแต่เดือน
๑๒ เหนือถึงเดือนยี่เหนือหรือตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี สาเหตุที่ถือปฏิบัติกันเช่นนี้ก็เพราะว่า
เป็นช่วงที่ชาวบ้านได้ทำนากันเสร็จแล้ว หยุดพักผ่อน พระสงฆ์ก็จำพรรษาอยู่วัดไม่ได้ไปไหนและบวกกับในช่วงเวลานี้ก็มีผลไม้สุก
เช่น ลำไย มะไฟ สมโอ เป็นต้นเมื่อต้นข้าวในนาเริ่มเขียวขจีชาวนาที่มีฐานะไม่ค่อยดีการดำรงชีวิตก็เริ่มขัดสนเมื่อข้าวในยุ้งก็หมดก่อนฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะมาถึง
ดังนั้นการตานก๋วยสลากในช่วงนี้จึงเท่ากับว่าได้สงเคราะห์คนยากคนจนเป็นสังฆทานได้กุศลแรง
(ตานก๋วยสลาก,ตานสลาก,กิ๋นข้าวสลาก,กิ๋นก๋วยสลากหรือกิ๋นสลาก) ล้วนแล้วแต่เป็นภาษาของชาวถิ่นล้านนา ที่มักมีการเรียกขานแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น แต่ความหมายนั้นเหมือนกันโดยหลักการอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง
ประเพณียี่เป็ง (ลอยกระทงและปล่อยโคมลอย)
ประเพณียี่เป็ง หรือ ประเพณีเดือนยี่ คือ
ประเพณีลอยกระทงแบบล้านนาโดยคำว่า ยี่ แปลว่า สอง ส่วน เป็ง แปลว่า เพ็ญ หรือ
คืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งหมายถึงประเพณีในวันเพ็ญเดือนสองของชาวล้านนา
ซึ่งตรงกับเดือนสิบสองของไทย
งานประเพณีจะมีสามวันคือ
วันขึ้นสิบสามค่ำ หรือ
วันดา เป็นวันซื้อของเตรียมไปทำบุญที่วัด
วันขึ้นสิบสี่ค่ำ จะไปทำบุญกันที่วัด
พร้อมทำกระทงใหญ่ไว้ที่วัดและนำของกินมาใส่กระทงเพื่อทำทานให้แก่คนยากจน
วันขึ้นสิบห้าค่ำ จะนำกระทงใหญ่ที่วัดและกระทงเล็กส่วนตัวไปลอยในลำน้ำ
ในช่วงวันยี่เป็งจะมีการประดับตกแต่งวัด บ้านเรือน ทำประตูป่า ด้วยต้นกล้วย
ต้นอ้อย ทางมะพร้าว ดอกไม้ ตุง ช่อประทีป และชักโคมยี่เป็งแบบต่าง ๆ
ขึ้นเป็นพุทธบูชา และมีการจุดถ้วยประทีป(การจุดผางปะตี๊บ) เพื่อบูชาพระรัตนตรัย
และมีการจุดโคมลอยปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ประเพณียี่เป็ง หรือ ประเพณีเดือนยี่ คือ ประเพณีลอยกระทงแบบล้านนาโดยคำว่า ยี่ แปลว่า สอง ส่วน เป็ง แปลว่า เพ็ญ หรือ คืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งหมายถึงประเพณีในวันเพ็ญเดือนสองของชาวล้านนา ซึ่งตรงกับเดือนสิบสองของไทย
งานประเพณีจะมีสามวันคือ
วันขึ้นสิบสามค่ำ หรือ
วันดา เป็นวันซื้อของเตรียมไปทำบุญที่วัด
วันขึ้นสิบสี่ค่ำ จะไปทำบุญกันที่วัด
พร้อมทำกระทงใหญ่ไว้ที่วัดและนำของกินมาใส่กระทงเพื่อทำทานให้แก่คนยากจน
วันขึ้นสิบห้าค่ำ จะนำกระทงใหญ่ที่วัดและกระทงเล็กส่วนตัวไปลอยในลำน้ำ
ในช่วงวันยี่เป็งจะมีการประดับตกแต่งวัด บ้านเรือน ทำประตูป่า ด้วยต้นกล้วย
ต้นอ้อย ทางมะพร้าว ดอกไม้ ตุง ช่อประทีป และชักโคมยี่เป็งแบบต่าง ๆ
ขึ้นเป็นพุทธบูชา และมีการจุดถ้วยประทีป(การจุดผางปะตี๊บ) เพื่อบูชาพระรัตนตรัย
และมีการจุดโคมลอยปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ประเพณีปี๋ใหม่เมือง ขนทรายเข้าวัด แห่ตุงหื้อตาน
ปีใหม่เมืองของชาวล้านนาตรงกับเดือนเมษายน ซึ่งอยู่ในฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่มีอากาศร้อนมาก และช่วงเวลาว่างจากการทำไร่และเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว จึงถือเอาวันปีใหม่เป็นวันทำบุญใหญ่วันหนึ่งในรอบปี เป็นวันที่สนุกสนานรื่นเริงด้วยการเล่นน้ำสงกรานต์ให้เย็นฉ่ำ ถือขันน้ำรดน้ำให้แก่กัน มีการละเล่นพื้นบ้าน เช่น มะกอน ม้าจ๊กคอก อีโจ้ง (โยนหลุม) จึงเป็นโอกาสที่เด็กๆหนุ่มสาว ผู้เฒ่าผู้แก่ได้พบเจอกันและทำกิจกรรมร่วมกันผ่านประเพณีต่างๆ เช่น สรงน้ำพระ ขนทรายเข้าวัด ดำหัว ทำบุญที่วัดในวันพญาวัน
ประเพณีรดน้ำดำหัวคนเฒ่า
ประเพณีรดน้ำดำหัว เป็นสิ่งที่ทำต่อเนื่องกันมายาวนานในปีใหม่ไทย เป็นการแสดงความเคารพและความกตัญญูต่อบิดามารดา ผู้ใหญ่ และผู้มีพระคุณ ด้วยความเชื่อที่ว่า เป็นการขอขมาลาโทษ พร้อมทั้งรับคำอวยพรเพื่อสิริมงคลของชีวิต และประเพณีนี้ยังทรงคุณค่ามาจนทุกวันนี้ คุณค่าที่ไม่ควรมองข้าม หลายคน อาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรดน้ำดำหัวเท่าที่ควร มองว่าเป็นเพียงประเพณีหนึ่งที่อยู่ในวันสงกรานต์ และมักใช้เวลาไปกับการเดินห้างสรรพสินค้า
ประเพณีการแข่งเรือของตำบลป่าแงะ
ประเพณีแข่งเรือ เป็นการละเล่นที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยในชนบทถิ่นที่อยู่อาศัยใกล้น้ำ ในช่วงเดือนสิบเอ็ดและเดือนสิบสอง ชาวบ้านเว้นว่างจากการทำไร่ทำนา เป็นโอกาสที่หนุ่มสาวได้พบปะเกี้ยวพาราสีกัน ได้เห็นฝีไม้ลายมือของชายอกสามศอก ได้เห็นความสามัคคีพร้อมเพรียงของเหล่าหนุ่มฝีพาย
งานประจำปี
งานข้าวหอมของดีประจำอำเภอป่าแดด
งานข้าวหอมของดีประจำอำเภอป่าแดด
เป็นงานที่ประชาชนในอำเภอรอคอยกันมาทั้งปี จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคมของทุกๆ
ปี เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ มีหลากหลาย ทั้งความสนุก ความบันเทิง การประกวดธิดาข้าวหอม
หนูน้อยข้าวหอม และนางฟ้าจำแลง มีวงดนตรีมากมาย จัดว่าเป็นงานที่มีสีสันที่สุดของอำเภอเลยก็ว่าได้
เหตุผลที่เอางานเทศกาลข้าวหอมของดีอำเภอป่าแดด
เป็นงานเทศกาลประจำปีของอำเภอป่าแดด
อำเภอป่าแดด เป็นอำเภอหนึ่งใน 15 อำเภอของจังหวัดเชียงราย
ถึงแม้จะเป็นอำเภอขนาดเล็ก แต่มีพื้นที่การปลูกข้าวมากเป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัด
เพราะมีสภาพพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการใช้ปลูกข้าวเป็นอย่างดียิ่ง ผลผลิตต่อไร่สูง
ข้าวมีคุณภาพนุ่มหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้
สร้างชื่อเสียงให้แก่ชาวนาอำเภอป่าแดดตลอดมาเป็นเวลาช้านาน
ณ ปัจจุบันความเจริญด้านต่างๆ
ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอำเภอป่าแดดเป็นอย่างมาก
อาชีพหลักของชาวอำเภอป่าแดดคือการทำนาปลูกข้าว
ซึ่งเป็นอาชีพที่สืบทอดจากปู่ย่าตายายพ่อแม่มาช้านาน เกษตรกรที่ทำนา
จะรู้ขั้นตอนวิธีการทำนาปลูกข้าวได้เป็นอย่างดี
แทบจะเรียกได้ว่าซึมซับอยู่ในสายเลือดก็ว่าได้ แต่การทำนาปลูกข้าวให้ได้ผลผลิตในปริมาณที่สูง
สามารถลดต้นทุนการผลิต ข้าวมีคุณภาพนุ่มหอม และอนุรักษ์สภาพแวดล้อม
จึงเป็นเรื่องที่จะต้องช่วยกันศึกษาวิธีการอย่างต่อเนื่อง จริงจัง
เพื่อเป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ให้แก่ลูกหลานได้พัฒนาวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมในการนำไปปฎิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดไป
วัตถุประสงค์ของการจัดงาน
1.
เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ให้สูงขึ้น
2.
เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง
3.
เพื่อส่งเสริมให้มีการปรับปรุงคุณภาพข้าวให้ได้มาตรฐาน ปราศจากสารพิษตกค้างในเมล็ดข้าว
4.
เพื่อเป็นการกระตุ้นชาวอำเภอป่าแดด ให้มีความสนใจ
มองเห็นความสำคัญต่อการทำนาปลูกข้าวให้มากขึ้น
5.
เพื่อให้มีความรู้สึกที่ดี มีความภาคภูมิใจต่อข้าวหอมของดีอำเภอป่าแดดมากยิ่งขึ้น
6.
เพื่อช่วยกันอนุรักษ์และจรรโลงไว้ซึ่งประเพณีวัฒนธรรม ภูมิปัญญาพื้นบ้านวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีสืบทอดให้แก่เยาวชน
และโดยเฉพาะการทำนาปลูกข้าว ได้สานต่ออย่างยั่งยืนตลอดไป
7.
เพื่อให้ชาวอำเภอป่าแดดได้รับการพักผ่อนหย่อนใจ มีความสุขสนุกสนาน
คลายความทุกข์ยากจากการตรากตรำต่อการทำนาทำไร่มาตลอดทั้งปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น